วันพุธที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ทำอาหารกันดีกว่ากับเมนู"ปลาทอดสีทองกับน้ำปลาพริกมะขามอ่อนรสเด็ด"

หม่ำ หม่ำ กับ แม่น
ปลาทอดสีทองกับน้ำปลาพริกมะขามอ่อนรสเด็ด

วันนี้แม่นกไปจ่ายตลาด เห็นเป็นเห็นปลาตะเพียนและปลานิล ก็เลยมาคิดว่าเมนู            ปลาน้ำจืดแม่นกไม่ค่อยทำเท่าไหร่  ก็คงเหมือนกับแม่บ้านหลายๆ ท่านที่ไม่ค่อยชอบกลิ่นคาวของปลาน้ำจืดสักเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับปลาทะเลแล้วปลาน้ำจืดออกจะมีกลิ่นที่แรงมาก  หากนำมาปรุงอาหารแล้วทำไม่เป็น บางครั้ง เหม็นคาวทั้งหม้อจนต้องทิ้งกันเลย เมนูที่ทำง่ายและดูเหมือนแม่บ้านหลายๆ ท่านก็ทำได้คงไม่พ้น นำปลา         น้ำจืดมาทอดกรอบ ใช่ค่ะ วันนี้แม่นกจะ นำปลานิลและปลาตะเพียน มาทอด รับประทานกันค่ะ คงแปลกใจ เมนูปลาทอดใครๆ ก็ทำได้ทำไม่แม่นกต้องมาแนะนำเมนูนี้ ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ปลาทอดแต่เป็น น้ำจิ้มปลาทอด ที่แม่นกจะนำเสนอ นั้นคือ น้ำปลาพริกมะขามอ่อน ที่ใช้จิ้มกับปลาทอดของเรา จากน้ำปลาพริกธรรมดาดัดแปลงให้เป็นน้ำปลาพริกที่ ไม่ธรรมดา ว่าแล้วเรามาดูวัตถุดิบกันเลยค่ะ
ส่วนประกอบของปลาทอด
  •  ปลานิล และ ปลาตะเพียน อย่างละ 1 ตัว
  • น้ำมันปาล์มสำหรับทอด
  •  กระดาษซับมันสำหรับปรุงอาหาร หรือ ตะแกรงกรองน้ำมัน
  •  เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ
  • แป้งทอดกรอบ 1 ช้อนโต๊ะ

ส่วนประกอบของน้ำปลาพริกมะขามอ่อน
  •  มะขามอ่อน 3-4 ฟัก
  • กระเทียมหัวใหญ่ 3 กลีบ
  • พริกขี้หนู 4-5 เม็ด
  • มะนาว ½ ลูก
  •  น้ำตาลทราย ½ ช้อนชา
  • น้ำปลาอย่างดี
  • น้ำอุ่น

เรามาเริ่มลงมือทำกันเลย เริ่มจาก เมื่อคุณแม่บ้านได้ปลามา ให้นำมาขอดเกล็ด และ เอาเครื่องในปลาออก เริ่มจากปลานิลให้คุณแม่คอดเกล็ดตัดคีบออกให้หมดรวมทั้งหางและส่วนหัวก็ให้คุณแม่ใช้มีดสับตรงแก้มปลาออกให้เหลือแต่เหงือกของปลา แล้วบริเวณลำตัวให้คุณแม่บั้งแนวเฉียงให้ลึกจนถึงกระดูลำตัวของปลาเลย จากนั้นล้างน้ำสะอาดหนึ่งครั้งเพื่อล้างพวกเกล็ดปลาและคราบเลือดปลาออกแล้วล้างน้ำเกลืออีกหนึ่งครั้งใช้เกลือประมาณ 1 กำมือผสมกับน้ำแล้วล้างปลาเพื่อให้เมือกปลาออก จากนั้นก็ล้างน้ำสะอาดอีกครั้ง พักทิ้งไว้ก่อน ทีนี้ก็ปลาตะเพียนเมื่อ คุณแม่บ้านขอดเกล็ดตัดครีบและหางออกหมด ก็ผ่าท้องเอาขี้ปลาและเครื่องในออก ปลาตะเพียนส่วนใหญ่ไข่เค้าจะเต็มท้องไม่ต้องเอาออกนะคะเอาเฉพาะขี้ปลาออกก็พอและไม่ต้องตัดหัวออก  จากนั้นก็ให้คุณแม่นำไปล้างน้ำสะอาด ทำเหมือนล้าง ปลานิลเลยค่ะ 3 น้ำ  เมื่อล้างสะอาดแล้ว เนื่องจากปลาตะเพียนเป็นปลาน้ำจืดที่มีก้างปลาเล็กๆ เยอะมากเวลาเรานำมาบั้งบริเวณลำตัวเราจะไม่บั้งเหมือนปลานิลแต่เราจะบั้งแบบถี่ที่สุดบั้งให้ลึกถึงกระดูกลำตัวปลาเลยคุณแม่พยายามใช้มีดซอยให้ถี่ๆ เลยนะคะ  เราจะทำให้ก้างปลาละเอียดเวลานำไปทอดก้างปลาจะกรอบและเมื่อรับประทานก็สามารถรับประทานได้ทั้งก้างปลาพร้อมเนื้อปลา เลย
 

เมื่อเราได้ปลาพร้อมแล้วให้คุณแม่บ้านนำเกลือป่นมาโรยและแป้งทอดกรอบเราใช้ แค่ 1 ช้อนโต๊ะ ไม่ต้องผสมน้ำโรยพร้อมกับเกลือได้เลยเราใช้แค่พอเคลือบผิวเนื้อปลาป้องกันติดกระทะและเหลืองน่ารับประทาน  คลุกเคล้าให้เกลือและแป้งเข้ากับ เนื้อปลาจากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที  ช่วงรอเราก็มาเตรียมกระทะตั้งไฟเทน้ำมัน ลงกระทะ เราจะใช้น้ำมันเยอะหน่อยนะคะ เพื่อความกรอบของปลา  แม่นกใช้ประมาณ ½ ขวด ใส่เกลือลงไปประมาณ ½ ช้อนชา จะช่วยไม่ให้ปลาติดกระทะได้ด้วยนะคะ  แม่นกจะใช้ไฟแรงรอจนน้ำมันร้อนจัดแล้วค่อยเบาไฟลงเป็นไฟกลางแล้วจึงใส่ปลาที่เราหมักเกลือลงไป จากนั้นปล่อยไว้เลยไม่ต้องไปคอยพริกดูว่าสุกไหม เพราะเมื่อปลาสุกเค้าจะลอยเหนือน้ำมันและเสียงของน้ำมันก็จะเบาลง เมื่อนั้นคุณแม่ค่อยพลิกปลา เอาอีกด้านขึ้นและรอจนปลาลอยขึ้นมาเช่นกัน  จากนั้นก็ให้ คุณแม่ตักปลาที่ทอดเสร็จแล้วใส่กระดาษซับมันที่ใช้สำหรับประกอบอาหาร หรือตะแกรงกรองน้ำมันเพื่อไม่ให้ปลาอมน้ำมัน วิธีการทอดเหมือนกันทั้ง  ปลา 2 ชนิด 

จากนั้นเรามาลงมือทำน้ำปลาพริกมะขามอ่อนกัน  เมื่อคุณแม่ได้มะขามอ่อนมา ให้ล้างน้ำให้สะอาดถูบริเวณเปลือกสักหน่อยเอาคราบสีน้ำตาลบริเวณผิวของมะขามอ่อนออก เสร็จแล้วนำมะขามอ่อนมาซอยให้ละเอียด  จากนั้นก็นำกระทียมที่ปลอกเปลือกเรียบร้อยแล้วและพริกขี้หนูแดง ซอยให้ละเอียดเช่นกัน จากนั้นก็เทน้ำปลาลงถ้วย แม่นกจะใช้อยู่ 2 ยี่ห้อ คือ ทิพย์รส และ คนแบกกุ้ง แม่นกว่าน้ำปลาเค้าหอม และมีรสชาติที่ดี เทน้ำปลาประมาณครึ่งถ้วยน้ำพริก จากนั้นใส่น้ำตาลทราย ½  ช้อนชา  น้ำอุ่น 1 ช้อนชา เพื่อให้รสชาติของน้ำปลาที่เค็มแหลมลดลง คนให้น้ำตาลทรายละลายในน้ำปลาจนหมดจากนั้นใส่ พริก กระเทียม และ มะขามอ่อนซอยลงไปคลุกเคล้าให้ทุกอย่างเข้ากันในน้ำปลา ขั้นตอนนี้ให้คุณแม่บ้านลองชิมดู หากรสชาติของมะขามอ่อนเปรี้ยวก็ให้คุณแม่บีบมะนาวลงไปประมาณ ½ ซีก เพราะมะขามอ่อน ที่ขายแต่ละที่ความเปรี้ยวไม่เท่ากัน บางที่ก็เปรี้ยวจัด บางที่ก็อมเปรี้ยวอมหวานนิดๆ แล้วแต่พันธ์นะคะ โดยรวมรสชาติน้ำปลาพริกมะขามอ่อน จะออก เปรี้ยวนำตามด้วยเค็ม และ หวานนิดๆ ส่วนเผ็ดก็จะไม่ค่อยเผ็ดมากเวลารับประทานหากใครรับประทานเผ็ดก็จะตักพริกซอยรับประทานพร้อมกับปลาทอดเลยค่ะ เท่านี้ก็เสร็จพร้อมเสิร์ฟกับปลาทอดสีเหลืองทองน่ารับประทานแล้วค่ะ

วันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ทำอาหารกันดีกว่ากับเมนู"น้ำซุปแสนอร่อย"



หม่ำ หม่ำ กับ แม่นก
น้ำซุปแสนอร่อย


วันนี้แม่นกมานำเสนอน้ำซุปแสนอร่อยที่คุณแม่สามารถทำให้ลูกน้อยทานกับอาหารของลูกน้อยหรือนำมาทำปรุงในเมนูอาหารต่างๆของคุณแม่ได้อย่างง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก มีประโยชน์และ รสชาติอร่อย รับรองถูกปากลูกน้อยแน่นอน โดยมีส่วนผสมต่างๆดังนี้
          ซี่โครงหมู จะเป็นซี่โครงหมูทั่วๆ ไปหรือซี่โครงอ่อนก็จะมีเนื้อเยอะหน่อย หรือจะเป็นซี่โครงหมูที่เค้าใช้ต้มน้ำซุปโดยเฉพาะบริเวณกระดูกสันหลังหมูแล้วแต่สะดวกใช่ได้หมดค่ะ ถ้าเป็นซี่โครง ก็ใช้ประมาณ 2-3 เส้น       ถ้าเป็นกระดูดต้มน้ำซุป ก็ใช้ประมาณ ½ กิโลกรัม
              แครอท 2 หัว
          หัวไชท้าว 1 หัว
          ข้าวโพดดิบ 2 ฟัก
              ผักกาดขาว 1 หัวใหญ่ ประมาณ ½ - 1 กิโลกรัม
          เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ
มาเริ่มดำเนินการกันเลยค่ะ นำกระดูกหมูที่ได้ล้างน้ำให้สะอาด หั่นซี่โครงเป็นท่อนๆ หรือ จะให้ทางร้านค้าหั่นมาให้เลยก็ได้ค่ะ ชิ้นไม่ต้องเล็กมาก จากนั้นนำลงใส่หม้อยังไม่ต้องตั้งไฟ คุณแม่หาหม้อเบอร์ใหญ่สักหน่อยประมาณเบอร์ 20 ซม.ก็ได้ค่ะ
นำแครอท หัวไชเท้า ปลอกเปลือก หั่นเป็นท่อนๆ หนาหน่อยเพราะเวลาเคี่ยวน้ำซุปนานๆถ้าชิ้นเล็กจะเละ เราอยากได้น้ำซุปใสๆ เพื่อเก็บไว้สำหรับปรุงอาหารอย่างอื่นได้อีกค่ะจากนั้นก็นำลงใส่หม้อที่มีกระดูกหมูอยู่ และตามด้วยข้าวโพดเหลืองที่ดิบปลอกเปลือก ให้คุณแม่เอาใยข้าวโพดออกให้หมด หรือบางที่ตามร้านค้าก็ปลอกเปลือกมาให้แล้วก็มี นำไปล้างน้ำอีกครั้ง หั่นข้าวโพดเป็นท่อนๆ ขนาดประมาณ 2 นิ้วได้ ใส่ลงหม้อตามไปเลยค่ะ ส่วนผักกาดขาว ให้คุณแม่แกะออกทีละกลีบจนถึงแกนในล้างน้ำให้สะอาดสักนิดค่ะ เพราะผักกาดประเภทหัวยาฆ่าเมลงจะเยอะ หรือคุณแม่จะแช่ด่างทับทิบ สัก 5 นาที ก็ได้นะคะ ปัจจุบันตามห้างต่างๆ จะมีน้ำยาล้างผักโดยเฉพาะวางขายอยู่ใช้น้ำยาล้างผักก็ได้ค่ะ จากนั้นหั่นเป็นท่อนๆ หรือฉีกใส่ก็ได้ อย่าเล็กมาก  
นำเกลือใส่ลงไป จากนั้นเทน้ำลงไปให้มิดส่วนผสมต่างๆ ที่เราใส่ไปก่อนหน้านี้ จากนั้นตั้งไฟปานกลาง ไม่ต้องคน  นะคะ ตั้งไฟแล้วปล่อยให้เดือดสัก 30-45 นาที ให้ทุกอย่างเปื่อยเสร็จแล้วก็กรองเอาเฉพาะน้ำเก็บไว้ใน ตู้เย็นเพื่อใช่เป็นส่วนผสมต่างๆ ในการทำอาหารมื้อต่อๆไป ไม่ว่าจะเป็น ข้าวต้ม ต้มจืด น้ำซุปสำหรับให้ ลูกน้อยใช้ซดเวลาทานข้าว ส่วนกากที่เหลือคุณแม่อย่าทิ้ง ก็ยังคงนำมาปรุงอาหารสำหรับผู้ใหญ่หรือเก็บไว้ปรุงอาหารให้กับลูกน้อยในมื้อต่อไป ได้สัก มื้อหรือสองมื้อ นานกว่านี้จะไม่ดีคะ
เมนูที่แนะนำอย่างเช่นเมนูนี้ก็ใช้ น้ำซุปมาทำอาหารให้ลูกน้อยทาน มีข้าวหอมมะลิสุกโรยด้วยหมูหยองและงาคั่วบด แค่นี้ก็ได้อีกเมนูแสนอร่อยให้ลูกน้อย และเสริมด้วยกล้วยน้ำหว้าสักลูกเพื่อให้ลูกน้อยขับถ่ายได้ดีขึ้น ก็เป็นอีกเมนูหนึ่งที่คุณแม่สามารถทำให้ลูกน้อยทานได้ด้วยน้ำซุปแสนอร่อยทำครั้งเดียวใช้ได้หลายมื้ออาหารเลยที่เดียวคะ


วันพฤหัสบดีที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ทำอาหารกันดีกว่ากับเมนู"โจ๊กสีทอง"




หม่ำ หม่ำ กับ แม่น
โจ๊กสีทอง
เช้าๆ คุณแม่ต้องปวดหัวกับการหาเมนูให้เจ้าตัวเล็ก ใช่ไหมค่ะ และด้วยมีเวลาน้อยในการปรุงอาหาร วันนี้แม่นกมีเมนูโจ๊กธรรมดาแต่ไม่ธรรมดา ด้วยสีทองสวยงาม หอมน่ารับประทาน ด้วยเมนู  โจ๊กสีทอง มาดูส่วนประกอบกันค่ะ
1.     ปลายข้าวหอม 1 ถ้วยตวง
2.     โพเลนต้า (Polenta) 1 ถ้วยตวง
3.     หมูเนื้อแดงบด 2-3 ขีด
4.     รากผักชีตำละเอียด
5.     เกลือ ½ ช้อนชา
6.     น้ำซุปกระดูกหมูหรือโครงไก่
7.     ไข่ไก่ 1 ฟอง
8.     งาดำคั่วบดละเอียด 1 ช้อนชา



เรามาเริ่มเตรียมส่วนประกอบกันเลย เริ่มจากเมื่อคุณแม่ได้ปลายข้าวหอมมะลิดิบให้นำมาล้างน้ำให้สะอาดสัก 2 ครั้ง แล้วจึงเทน้ำซุปกระดูกหมูหรือโครงไก่
ประมาณ ½ ลิตร นำตั้งไฟ เราใช้ไฟกลาง คนไปเรื่อยๆ จนเดือดเพื่อกันปลายข้าวติดก้นหม้อ  ปลายข้าวหอมมะลิ คุณแม่หาซื้อได้ตามร้านขายข้าวสารทั่วไปหรือตามห้างสรรพสินค้า
จากนั้นเรามาเตรียม โพเลนต้า ให้คุณแม่นำ โพเลนต้า ตักใส่ถ้วยแล้วนำน้ำสะอาดเทลงไปในถ้วยให้น้ำท่วมโพเลนต้าแล้วทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที โพเลนต้า ก็ดูดน้ำและพองตัว หน้าตาก็จะคล้ายๆ ซีรีแล็ค
 โพเลนต้า คือ ข้าวโพดดิบที่บดละเอียด เป็นอาหารของชาวอิตาลี ที่ส่วนใหญ่เค้าจะรับประทานกับสเต็ก หรือไม่ก็นำมาทำซุป คุณค่าทางอาหารก็ให้คาร์โบไฮเดรต เหมือนกับข้าวสวยบ้านเรา เวลานำมาปรุงอาหารก็จะมีรสหวานของข้าวโพดและความหอม  หาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป  เมื่อโพเลนต้า พองตัวดีแล้ว ให้คุณแม่นำมาเทรวมกับ ปลายข้าวหอมมะลิที่เรา เคี่ยวไว้ในหมอ ขั้นตอนนี้ให้คุณแม่สังเกตหากน้ำในหม้อที่เราเคี่ยวปลายข้างแห้งจนเกินไปก็ให้คุณแม่เติมน้ำซุปลงไปอีกเพราะเมื่อเรานำ  โพเลนต้ามาผสม โพเลนต้าเองก็จะดูดน้ำซุปเข้าไปอีก คนให้โพเลนต้า และ ปลายข้าวเข้ากันได้ดี สังเกตลองตักโจ๊กด้วยทัพพีแล้วเทลงหม้อเนื้อของข้าวปลาข้าวและ โพเลนต้า จะไหลติดๆกัน ไม่เหนียวจนเป็นก้อน หรือ ไหลจนเป็นน้ำมากเกินไป จากนั้นเรามาเตรียมหมูบดกัน แม่นกเลือกเนื้อหมูชั้นในแล้วนำมาหั่นและสับเอง เพราะตามร้านหมูบดทั่วๆ ไป แม่นกคิดว่าเนื้อหมูบดเค้าผสมมันหมูมากเกินไป เลยใช้เนื้อหมูมาสับเองแต่ถ้าคุณแม่สะดวกที่จะซื้อหมูบดก็ใช้ได้นะคะ  จากนั้นแม่นกนำรากผักชีที่ตำละเอียดมาคลุกกับหมูบดเพื่อเพิ่มความหอมแล้วก็มาปั้นเป็นก้อนเล็กๆ พอดีคำ ใส่ลงในหม้อโจ๊กที่กำลังเดือด ไม่ต้องคนนะคะเพราะเนื้อหมูจะแตกตัวรอจนเนื้อหมูลอยขึ้นมาก่อนแล้วค่อยคน นำไข่ไก่ตอกใส่ถ้วยตีให้ไข่แดงและไข่ขาวแตกตัวไม่ต้องตีแรงใช้คนๆก็ได้ จากนั้นเทลงหม้อที่กำลังเดือดคนให้ไข่กับโจ๊กเป็นเนื้อเดียวกัน โจ๊กที่ได้ก็จะข้นขึ้นอีกนิด จากนั้นเคี้ยวไปสักประมาณ 3 นาที ก็ตักใส่ถ้วยโรยหน้าด้วยงาดำคั่วบด เท่านี้ก็เสร็จโจ๊กสีทอง ที่หอมและน่ารับประทาน
แม่นกเสิร์ฟพร้อมกับ บล็อกโคลี่ต้ม เพื่อเพิ่มไฟเบอร์ของผักใบเขียวให้เจ้าตัวเล็กสำหรับเมนูนี้ ส่วนผลไม้แม่นกมีกล้วยน้ำหว้าเพื่อเพิ่มระบบย่อยและระบบขับถ่ายและส้มเช้งผลไม้ที่หอมหวานชื่นใจและมีวิตามินซีสูง