วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ทำอาหารกันดีกว่ากับเมนู"หมูผัดกะปิ"



หมูผัดกะปิ

โบราณบอกวาเสน่ห์ปลายจวักผัวรักจนตาย สาวๆสมัยใหม่อาจจะจะเถียงคอเป็นเอ็นว่าแหม เดี๋ยวนี้ร้านอาหารตามสั่งหรือร้านขายกับข้าวปรุงเสร็จมีเยอะแยะมากมายให้เลือกซื้อ แถมยังจะอร่อยกว่าฝีมือแม่บ้านอย่างเราๆซะด้วยนะ แล้วจะมัวมานั่งทำอาหารให้เหงื่อออกหัวเหม็นกันทำไมล่ะ แต่เราลืมไปรึเปล่าว่า ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีไม่ได้อยากรับประทานอาหารที่อร่อยเลิศ หากแต่อยากรับประทานอาหารที่ปรุงด้วยใจมากกว่า
วันนี้แม่ละเอียดมีเมนูง่ายๆแต่หน้าตาดูเหมือนยากมานำเสนอคุณแม่บ้านค่ะ เมนูนี้ชื่อว่าหมูผัดกะปิเมนูที่คุณพอบ้านชื่นชอบและมักเรียกร้องให้ทำอยู่เป็นประจำ มีวิธีทำที่แสนง่ายไม่ยุ่งยาก ที่สำคัญ ใครจะทำก็อร่อยด้วยกันทั้งนั้น ขั้นตอนแรกเริ่มจากการเตรียมวัตถุดิบต่างๆดังนี้ค่ะ


เนื้อหมู (สำหรับเนื้อหมูแนะนำให้เลือกสันคอหมูมาทำ เพราะสันคอหมูจะมีมันแทรกอยู่ทำให้นำมาปรุงอาหารชนิดไหนก็อร่อยด้วยกันทั้งนั้น)
กะปิ
พริกขี้หนู
กระเทียม
ใบมะกรูด
น้ำตาลทราย
น้ำปลา
น้ำเปล่า
น้ำมันสำหรับผัด          
             
วิธีทำหมูผัดกะปิง่ายๆ ตามนี้ค่ะ
ทุบกระเทียมกับพริกขี้หนูแล้วสับพอหยาบๆเตรียมไว้ ใบมะกรูดฉีกก้านใบตรงกลางออกแล้วซอยให้เป็นเส้นเตรียมไว้
นำน้ำมันใส่กระทะเล็กน้อย ตั้งไฟให้ร้อน ใส่พริกกระเทียมลงไปผัดให้หอม ตามด้วยเนื้อหมูที่หั่นเตรียมไว้ คลุกเคล้าให้เนื้อหมูจนเกือบสุกใส่กะปิลงไป 1ช้อนโต๊ะ ผัดต่อไปเรื่อยๆ ขณะผัดใช้ตะหลิวขยี้กะปิให้ละลายจนเคลือบเนื้อหมูดีแล้ว ใส่น้ำตาลทรายและน้ำปลาอย่างละ 1ช้อนโต๊ะ ตามด้วยใบมะกรูดที่ซอยเตรียมไว้ มาถึงตอนนี้คุณแม่บ้านจะสงเกตได้ว่า ช้อนโต๊ะที่แม่ละเอียดใช้เป็นช้อนที่ใช้กินข้าวปกติไม่ใช่ช้อนแกงนะคะ


จากนั้นคลุกเคล้าให้ทั่วจนเข้ากันดี เติมน้ำเปล่าลงไปเล็กน้อย (ประมาณ2ช้อนโต๊ะ) ใส่พอให้ไม่แห้งจนเกินไป เป็นอันเสร็จกระบวนการทำที่แสนง่าย สูตรนี้ไม่ต้องพักชิมกันเลยผัดเสร็จ ปิดไฟแล้วตักใส่จานได้ อร่อยแน่นอนค่ะ

แม่ละเอียดใส่ใบมะกรูดด้วยเพื่อเพิ่มความหอม คุณแม่บ้านสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามต้องการนะคะ เช่นไม่ทานใบมะกรูดก็ไม่ต้องใส่ เพื่อนๆของแม่ละเอียดปรับเปลี่ยนโดยการไม่ใส่ใบมะกรูดไม่ใส่พริก ใส่แต่กระเทียมอย่างเดียวเพราะทานเผ็ดไม่ได้เลยก็ยังอร่อยค่ะ
*หัวใจสำคัญของเมนูนี้อยู่ที่ กะปิ ต้องใช้กะปิอย่างดีเลือกกะปิที่ไม่เค็มจนเกินไป ยิ่งถ้าเป็นกะปิระยองนี่ขอบอกว่าอร่อยแน่นอนทุกจานไม่มีเพี้ยนแน่ๆ
**เคล็ดลับในการผัดหมูให้เนื้อนุ่มไม่กระด้างจนเกินไป และรสชาติเครื่องปรุงเข้าถึงเนื้อในหมู ให้คุณแม่บ้านใช้ไฟกลางตลอดเวลาในการผัด และใส่เครื่องปรุงตั้งแต่หมูยังไม่สุกดี หลังจากใส่เครื่องปรุงครบหมดแล้วให้ปรับเป็นไฟอ่อน แล้วผัดต่อไปสักระยะ เนื้อหมูที่ได้จะนุ่มนิ่มทั้งข้างนอกข้างในและมีรสชาติกลมกล่อมตามที่ต้องการเลยละค่ะ








วันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ทำอาหารกันดีกว่ากับเมนู"น้ำมะม่วงหาวมะนาวโห่"



น้ำมะม่วงหาวมะนาวโห่

 
บางคนอาจจะรู้จักต้นไม้ชนิดนี้กันบ้างแล้ว  บางคนอาจจะรู้จักชื่อ มะม่วงไม่รู้หาวมะนาวไม่รู้โห่  แต่ก็โดนลดทอนจนเหลือแค่มะม่วงหาวมะนาวโห่  ต่างภูมิภาคก็ต่างชื่อกันไป  อีกชื่อก็คือ ต้นหนามแดง  ที่ได้ชื่อนี้ก็เพราะหนามของมันนี่ล่ะคะ ยาวจิ้มโดนหล่ะเจ็บมาก
มายเลย แถมปลายแดงๆด้วย ก็ลองดูรูปสิคะ


ต้นมะม่วงหาวมะนาวโห่เป็นไม้พุ่มค่ะ แต่ก็สูงเอาเรื่องนะคะ  กว่าจะเก็บลูกได้แต่ละทีต้องโหนกันแล้วโหนกันอีกแถมหนามก็คอยจะจิ้มเอา  มดแมลงไม่ค่อยมีนะคะ  นกก็ไม่ค่อยกินผล คงเพราะว่ารสชาติที่เปรี้ยวค่ะ  จะเห็นก็มีแต่พวกแมลงวันทองที่คอยต่อยผลแล้ววางไข่ไว้  บางทีก็แอบมีหนอนอยู่ในผลสุกๆด้วยต้องระวังนะคะ   ระยะเวลาเท่าที่รอมาจากผลสีขาวอมชมพูไปจนม่วง ก็เกือบๆสองเดือน  รอนานมาก  แต่พอบทจะสุก ก็ม่วงทั้งต้นเลยค่ะ
 เรามาดูผลของมะม่วงหาวมะนาวโห่ตอนที่อยู่บนต้นกันค่ะ   


สีของผลไล่ตั้งแต่ดิบไปจนสุก   จะค่อยๆเปลี่ยนจากสีขาวอมชมพูอ่อนๆ แล้วจะแดงไปเรื่อยจนม่วง  (จากซ้ายไปขวา)    รสของผลจะเปรี้ยวค่ะ  ไม่ว่าจะดิบหรือสุกแล้วก็ตาม   และยางเยอะมากค่ะ 



ด้วยความที่สารพัดรักษาโรคได้  วันนี้เราเอามาทำเป็นน้ำผลไม้ไว้ดื่มกันค่ะ  นอกจากวิตามินซีสูงแล้วธาตุเหล็กก็สูงนะคะ เหมาะกับผู้หญิงอย่างเราๆ  แก้ไอ ขับเสมหะ  รักษาโรคเกาต์  แก้ภูมิแพ้ แถมชะลอความแก่ลดความอ้วน  ได้อีกต่างหาก    เราจะเลือกเอาเฉพาะผลที่สีแดงไปจนถึงม่วงนะคะ  เพราะถ้าเลือกผลดิบสีจะไม่สวยค่ะ



สูตรง่ายๆค่ะ
ผลมะม่วงหาวมะนาวโห่  
2 ขีด
น้ำเปล่า  1 ลิตร
น้ำตาล  2 ทัพพี  (มากหรือน้อยกว่านี้ก็ได้แล้วแต่ชอบค่ะ)

วิธีทำก็ไม่ยากค่ะ  ก่อนอื่นเราต้องคัดเอาใบออกก่อนนะคะ แล้วล้างเอายางที่อยู่ด้านนอกออกก่อน 

แล้วก็ผ่าครึ่ง ใส่หม้อเลยค่ะ  ไม่ต้องเอาเม็ดออกก็ได้นะคะ จะได้ไม่เสียเวลา

เติมน้ำ เอาขึ้นตั้งไฟ จะเห็นว่ามียางของผลลอยน้ำด้วย

ตั้งต้มให้เดือด

แล้วหมั่นช้อนฟองยางออกค่ะ

ต้มจนสีของผลซีดลง แล้วสีของน้ำแดงเข้มขึ้นค่ะ

ซีดแบบนี้นะคะ

เมื่อสีน้ำแดงเข้มดีแล้วก็ใส่น้ำตาลค่ะ

พักทิ้งไว้ให้เย็น  แล้วกรองเอาเนื้อและเม็ดออกค่ะ 

แช่เย็นก่อนเสิร์ฟนะคะ  จะอร่อยชื่นใจคลายร้อนได้ด้วย    ส่วนหม้อและทัพพีที่ต้มผลมะม่วงหาวมะนาวโห่ จะมียางของผลติดแบบนี้นะคะ  อาจจะต้องขัดกันสักหน่อยกว่าจะออกค่ะ 

By  Just Relax