มัฟฟิน
ขนมฝรั่งทำง่าย ง่าย
หลายท่านอาจจะไม่คุ้นเท่าไหร่ว่ามันคืออะไร
“มัฟฟิน” เป็นขนมที่ลักษณะขนาดคล้ายๆ กับคัพเค้กค่ะ
วิธีทำก็ง่ายกว่ามาก
เพียงแค่นำส่วนผสมของเปียกกับส่วนผสมของแห้งมาคนพอเข้ากันเท่านั้น
แต่เนื้อของมัฟฟินจะไม่นุ่มนวลเหมือนกับเนื้อเค้กทั่วไป จะมีลักษณะหยาบกว่า
แน่นกว่า ไม่ได้ใช้เวลาตีแป้งนานแบบเค้ก
แต่วิธีทำของแต่ละสูตรอาจไม่เหมือนกันทั้งหมดก็ได้
เพราะการทำขนมแบบนี้ไม่มีอะไรตายตัวอยู่แล้วค่ะ
“มัฟฟิน”
เป็นขนมอบที่ดิฉันชอบมากค่ะ เลยคิดว่าลองทำทานเองบ้างดีกว่า ก็เลยหาสูตรในหนังสือ
และจากในอินเตอร์เนทมาหัดทำ ปรับเปลี่ยนส่วนผสมบ้าง ไม่ใช่ว่าสูตรที่ได้มาไม่อร่อยนะ
แต่เพื่อให้ได้ตามแบบที่เราชอบมากกว่า จนได้สูตรที่ง่ายและอร่อย เลยมักจะทำทานกันเองที่บ้านประจำ
ประกอบกับคนที่บ้านก็ชอบกันด้วย เพราะได้เปลี่ยนรสชาติจากที่ทานขนมไทยซ้ำๆ มาเป็นขนมฝรั่งบ้าง
จะได้ไม่เบื่อกันค่ะ ลองมาดูส่วนผสมและวิธีทำกันดีกว่า
อุปกรณ์
ถ้วยตวง
ช้อนตวง ที่ร่อนแป้ง ชามผสม ตะกร้อมือ หรือพายยาง ถาดอบขนมทาเนยหรือใช้น้ำมันบางๆ ทากันขนมติดส่วนผสมของแห้ง
แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 ถ้วย
แป้งเค้ก
1 1/4 ถ้วย
น้ำตาล 3/4 ถ้วย
ผงฟู 1 ช้อนโต๊ะ
เบกกิ้งโซดา 1/4 ช้อนชา
เกลือ 1/2 ช้อนชา
ส่วนผสมของเหลว
ซาวครีม
(ใช้โยเกิร์ตรสธรรมชาติแทนได้) 8 ออนซ์
ไข่ไก่ 2 ฟอง
วานิลาแอ๊คแทรค (ไม่มีไม่ต้องใส่ก็ได้)
1/2 ช้อนชา
เนยละลาย 1/3 ถ้วย
ช็อคโกแล็ตชิพ 1 ถ้วย
หรือ เปลี่ยนเป็นผลไม้ตามต้องการ ใช้ของสด
หรือว่าแบบแช่แข็ง หรืออบแห้ง ก็ใช้ได้ค่ะ
แต่วันนี้ทำสามรส
คือ บลูเบอร์รี่ดิฉันใช้แบบแช่แข็ง สตอเบอร์รี่ใช้แบบอบแห้ง และช็อคโกแล็ตชิพ
วิธีทำง่าย
ง่าย
เปิดเตาอบ 375 องศาฟาเรนไฮต์ ใช้เวลาอบนาน 20 – 25 นาที
1.
ร่อนแป้ง ผงฟู เบกกิ้งโซดา รวมกัน
เสร็จแล้วใส่ เกลือ น้ำตาล ผสมให้เข้ากันพักไว้
2.
ซาวครีมหรือโยเกิร์ตรสธรรมชาติ ไข่ไก่ เนยละลาย
วานิลา ผสมคนจนเข้ากัน
3.
นำของเหลวที่ผสมแล้ว เทลงในแป้งที่ผสมพักไว้ เติมผลไม้หรือช็อคโกแล็ตชิพลงไป
ค่อยๆ ตะล่อมคนแค่พอเข้ากันเท่านั้นพอ ถ้ามีเม็ดแป้งอยู่บ้างไม่เป็นไรค่ะ แต่อย่าคนนานเกินไป
เดี๋ยวเวลาอบจะไม่นูนสวย
4.
ตักใส่พิมพ์ที่ทาเนยขาวไว้
หรือจะใช้เป็นถ้วยกระดาษก็ได้ค่ะ เสร็จแล้วนำเข้าเตา อบตามเวลาหรือจนกว่าขนมจะสุก
เสริมอีกนิด
- มัฟฟินเป็นขนมที่ใช้เวลาในการผสมแป้งไม่นาน
ต้องทำเร็วๆ ไม่อย่างนั้นเนื้อที่ได้จะเหนียวและแข็ง
- วิธีดูว่าขนมสุกหรือยัง
ทำได้โดยการเอาไม้ปลายแหลมจิ้มไปตรงกลางของขนม ถ้าไม่มีเนื้อขนมติดมา แสดงว่าสุก
หรือจะใช้นิ้วแตะสัมผัสด้านหน้าขนม ถ้ากดแล้วหน้าเด้งๆ ไม่ยุบแสดงว่าสุกแล้ว
-
อย่าอบนานเกินไป ไม่อย่างนั้นหน้าจะแข็งเกินไป และเนื้อที่ได้ก็จะแห้งด้วย
-
ลักษณะของมัฟฟินนั้นหน้าจะนูนขึ้นมา และมีรอยแตกตรงกลาง
ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิที่อบด้วยถ้าความร้อนต่ำไปหน้าก็จะแบนไม่นูนสวยค่ะ
เท่านี้เราก็จะได้มัฟฟินหอมๆ
ไว้ทานกันในครอบครัวแล้วค่ะ สูตรนี้หน้าจะกรอบๆ แต่ข้างในเนื้อนุ่มแน่น
ทานกับน้ำชาหรือกาแฟสักถ้วยก็เข้ากันดีค่ะ ถ้าว่างๆ ลองทำทานกันนะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น